tag:blogger.com,1999:blog-30185818355904620882024-03-13T09:01:46.690-07:00ปราสาทหินพิมายเอกลักษณ์http://www.blogger.com/profile/17138141840110887412noreply@blogger.comBlogger22125tag:blogger.com,1999:blog-3018581835590462088.post-73862071010204641542009-09-20T20:51:00.000-07:002009-09-20T21:00:16.404-07:00ภาพสวยๆของปราสาทหินพิมาย<a href="http://4.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/Srb52p2ZA5I/AAAAAAAAAE0/Wot1woznVQw/s1600-h/PhimaiB11.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5383765121910244242" style="WIDTH: 461px; CURSOR: hand; HEIGHT: 244px" alt="" src="http://4.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/Srb52p2ZA5I/AAAAAAAAAE0/Wot1woznVQw/s320/PhimaiB11.jpg" border="0" /></a><br /><div><a href="http://2.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/Srb5gGaF4fI/AAAAAAAAAEs/c9DavIBPSTY/s1600-h/PhimaiB26.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5383764734439186930" style="WIDTH: 468px; CURSOR: hand; HEIGHT: 242px" alt="" src="http://2.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/Srb5gGaF4fI/AAAAAAAAAEs/c9DavIBPSTY/s320/PhimaiB26.jpg" border="0" /></a><br /><br /><div><a href="http://3.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/Srb5Y6MrYHI/AAAAAAAAAEk/g5IouLkkLS8/s1600-h/PhimaiB25.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5383764610902614130" style="WIDTH: 461px; CURSOR: hand; HEIGHT: 242px" alt="" src="http://3.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/Srb5Y6MrYHI/AAAAAAAAAEk/g5IouLkkLS8/s320/PhimaiB25.jpg" border="0" /></a><br /><br /><br /><div><a href="http://1.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/Srb48_alckI/AAAAAAAAAEc/tvoBq9Zvi6M/s1600-h/PhimaiB27.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5383764131266785858" style="WIDTH: 453px; CURSOR: hand; HEIGHT: 243px" alt="" src="http://1.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/Srb48_alckI/AAAAAAAAAEc/tvoBq9Zvi6M/s320/PhimaiB27.jpg" border="0" /></a> </div><div> </div><div>ที่มา <a href="http://www.oknation.net/blog/print.php?id=315415"><span style="font-family:trebuchet ms;">http://www.oknation.net/blog/print.php?id=315415</span></a><br /><br /><br /><br /></div><div></div></div></div>เอกลักษณ์http://www.blogger.com/profile/17138141840110887412noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3018581835590462088.post-48576665315972919552009-09-20T17:19:00.000-07:002009-09-20T20:30:21.067-07:00ผลการประเมินบล็อค<span style="font-family:trebuchet ms;"><strong>1. เนื้อหาสาระ<br /></strong>เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับโบราณสถานที่มีความเก่าแก่ที่เกิดขึ้นอยู่กับคนไทยมาช้านาน โดยได้รับอิทธิพลจากเขมรในสมัยนั้น ซึ่งโบราณสถานเหล่านี้มีเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย และโบราณสถานแห่งนี้คือ อุทยานปราสาทหินพิมาย ซึ่งยังคงความสวยงามในรูปแบบศิลปะขอมไว้ให้เราได้ชื่นชมความงามนั้นอยู่ และบางสิ่งบางอย่างก็ได้บูรณะซ่อมแซมจากการชำทรุดจากอายุระยะเวลาที่ยาวนานให้ดูสมบูรณ์ดั่งเดิม เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจทั้งของชาวไทยและชาวต่างชาติต่อไป<br /><strong>2. วัตถุประสงค์/เป้าหมาย</strong><br />- เพื่อให้คนไทยรู้จักแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นอีกสักหนึ่งแห่งจากหลายๆสถานที่ทั่วประเทศ<br />- เพื่อให้ตระหนักถึงคุณค่าของโบราณสถานที่เก่าแก่ของไทยหรือของท้องถิ่นของตนเอง<br />- เพื่อให้คนไทยหรือคนในท้องถิ่นช่วยกันดูแลรักษาบูรณะซ่อมแซมโบราณสถานแห่งนี้ให้คงอยู่กับคนไทยสืบต่อไป<br />- เพื่อเผยแพร่ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวของท้องถิ่นให้ทุกคนได้รู้จักทั้งไทยและต่างประเทศ<br />- เพื่อเป็นการพัฒนาระบบเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวให้ดียิ่งขึ้น<br />- เพื่อให้คนในพื้นที่มีรายได้เพิ่มมากขึ้นมีการเป็นอยู่ที่ดีขึ้น<br />- เพื่อเป็นการเรียนรู้ถึงประวัติศาสตร์ตั้งแต่โบราณกาลของท้องถิ่นอำเภอพิมาย<br />- เพื่อทำให้เกิดความภาคภูมิใจในสถานที่ท่องเที่ยวของตนเอง<br /><strong>3. เนื้อหาที่เป็นประโยชน์ (0-5)</strong> <strong>ได้ 5 คะแนน</strong><br />จากเนื้อหาในบล็อคนี้มีประโยชน์ต่อผู้เข้าชมในด้านต่างๆคือ<br />- ด้านประวัติศาสตร์จากเนื้อหาทำให้รู้ถึงประวัติความเป็นมาของเมืองพิมายและอุทยานปราสาทหินพิมายในการรับเอาแบบแผนการสร้างปราสาทแบบศิลปะขอม<br />- ด้านตัวโบราณวัตถุโบราณสถานทำให้รู้ถึงโบราณสถานอีกมากมายที่มีอยู่ในตัวปราสาทหินว่ามีอะไรบ้าง โบราณสถานต่างๆนั้นมีความสำคัญอย่างไรและอยู่ตรงตำแหน่งไหนของปราสาทหิน<br />- ด้านสภาพแวดล้อมทำให้รู้ถึงสภาพพื้นที่ของตัวปราสาทหินที่ดูแล้วมีความสวยงามร่มรื่นด้วยร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ต่างๆ<br />- ด้านประติมากรรม ที่มีรูปแบบเอกลักษณ์ศิลปะขอมมีทับหลังที่สวยงาม<br />- ด้านการเดินทาง ทำให้รู้จักเส้นทางการเดินทางที่มากยิ่งขึ้นจากแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่เคยไปสัมผัส<br /><strong>4. ความน่าสนใจ (0-5) ได้ 4 คะเเนน<br /></strong>- มีเนื้อหาที่น่าสนใจน่าอ่าน เนื้อหาไม่มากหรือยาวจนเกินไปอ่านแล้วสรุปเข้าใจง่าย<br />- มีภาพประกอบในบางเนื้อหาเพื่อเป็นการไม่น่าเบื่อในการอ่านเนื้อหา<br />- มีลักษณะของภาพพื้นหลังที่ดูแล้วสบายตาเข้ากับเนื้อหาที่จัดทำ<br />- ไม่มีรูปภาพมากจนเกินไปดูแล้วไม่สบายตาเพราะมันแออัดเกินไป<br />- มีการเพิ่มเนื้อหาข้อมูลค่อนข้างสม่ำเสมอ<br /><strong>5. ความทันสมัย (0-5) ได้ 5 คะแนน<br /></strong>- มีการอัพเดตข้อมูลอยู่อย่างสม่ำเสมอ<br />- รูปแบบการนำเสนอที่น่าสนใจไม่ยุ่งยากง่ายต่อการเข้าชม<br />- การจัดวางข้อมูลเนื้อหาไม่ซับซ้อน<br />- ปรับเปลี่ยนข้อมูลเมื่อมีความผิดพลาดจากการติชมของผู้เข้าชม<br />- ข้อมูลที่มามีแหล่งอ้างอิงได้<br /><strong>6. การออกแบบ/ความสวยงาม (0-5)</strong> <strong>ได้ 4 คะแนน</strong><br />- มีแบบพื้นหลังที่ดูแล้วเข้ากับเนื้อหาที่นำเสนอ<br />- มีภาพที่ดูแล้วสบายตาสวยงามเข้ากับเนื้อหา<br />- ลักษณะตัวอักษรที่เด่นชัดอ่านง่าย<br />- สีตัวอักษรที่อ่านง่ายเข้ากับพื้นหลัง<br />- มีการออกแบบปรับปรุงให้มีความสวยงามน่าเข้าชม<br /><strong>7. ความเรียบง่าย(อ่านง่าย/เข้าใจง่าย) (0-5) ได้ 5 คะแนน<br /></strong>- การจัดวางรูปแบบบล็อกมีความเรียบง่าย<br />- เนื้อหาอ่านง่ายเข้าใจง่าย<br />- สามารถเข้าชมบล็อกที่ง่ายต่อการค้นหา<br />- การจัดลำดับเนื้อหาไม่สับสน<br />- สามารถเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับผู้ชมได้ทุกเพศทุกวัยเพราะมีรูปแบบการนำเสนอที่ไม่ยุ่งยาก<br /><br /><strong>สรุปคะแนน 23 คะแนน</strong></span>เอกลักษณ์http://www.blogger.com/profile/17138141840110887412noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-3018581835590462088.post-62720850449704324252009-09-20T17:16:00.001-07:002009-09-20T20:04:37.180-07:00ท่านางสระผม<a href="http://4.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/SrbtOBTb8iI/AAAAAAAAACE/kJhtvDOIYGI/s1600-h/sep47092.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5383751229691916834" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 190px; CURSOR: hand; HEIGHT: 143px" alt="" src="http://4.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/SrbtOBTb8iI/AAAAAAAAACE/kJhtvDOIYGI/s320/sep47092.jpg" border="0" /></a><br /><div><span style="font-family:trebuchet ms;">เป็นโบราณสถานนอกกำแพงเมือง ตั้งอยู่ริมลำน้ำเค็มทางทิศใต้ของเมือง เดิมทีเป็นเพียงเนินดินใหญ่ที่มีเศษภาชนะดินเผาและเศษกระเบื้อง กระทั่งได้รับการขุดแต่งขึ้นในปี พ.ศ. 2531 จึงพอเห็นรูปรอยว่าเป็นอาคารทรงกากบาทก่อด้วยศิลาแลงมีฐานเป็นชั้น ๆ และพบร่องรอยหลุมขนาดเล็กอยู่ที่มุมอาคารทุกจุด นักโบราณคดีสันนิษฐานว่าคงเป็นศาลาจัตุรมุข ซึ่งเป็นท่ารับเสด็จเจ้านายทางฝั่งพิมาย เพราะเป็นท่าน้ำแห่งเดียวที่อยู่ในแนวถนนโบราณห่างจากท่านางสระผมไปเล็กน้อยมีสระน้ำรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดกว้าง 200 ม. ยาว 400 ม. เรียกว่าสระช่องแมว แต่ไม่ปรากฏเรื่องราวว่ามีความสำคัญใด </span></div>เอกลักษณ์http://www.blogger.com/profile/17138141840110887412noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3018581835590462088.post-3023862256486233072009-09-20T17:15:00.000-07:002009-09-20T19:55:11.170-07:00กุฏิฤาษี<a href="http://2.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/SrbrBGDFhsI/AAAAAAAAABs/ZjA21CmFHOU/s1600-h/sep47111.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5383748808603961026" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 190px; CURSOR: hand; HEIGHT: 143px" alt="" src="http://2.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/SrbrBGDFhsI/AAAAAAAAABs/ZjA21CmFHOU/s320/sep47111.jpg" border="0" /></a><br /><div><span style="font-family:trebuchet ms;">บริเวณที่ตั้งกุฏิฤาษีเป็นจุดสิ้นสุดของถนนโบราณที่มีต้นทางจากเมืองพระนครในเขมร แต่ไม่เหลือร่องรอยถนนไว้ให้เห็นเพราะเป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน กุฏิฤาษีเชื่อว่าเป็นอโรคยาศาลสร้างขึ้นช่วงรัชกาลพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ซึ่งเป็นยุครุ่งเรืองแห่งอาณาจักรขอม พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้สร้างอโรคยาศาลตามเส้นทางโบราณไว้เป็นจำนวนมาก ปัจจุบันนี้เหลือให้เห็นเพียงซากกำแพงศิลาแลงกับปราสาทเท่านั้น </span></div>เอกลักษณ์http://www.blogger.com/profile/17138141840110887412noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-3018581835590462088.post-31266275369126065562009-09-20T17:14:00.002-07:002009-09-20T19:59:18.324-07:00ประตูชัย<a href="http://1.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/SrbsAAYAN7I/AAAAAAAAAB8/ciRWJ4JlMcQ/s1600-h/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%974.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5383749889412839346" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 153px; CURSOR: hand; HEIGHT: 200px" alt="" src="http://1.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/SrbsAAYAN7I/AAAAAAAAAB8/ciRWJ4JlMcQ/s320/%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25974.jpg" border="0" /></a><br /><div><span style="font-family:trebuchet ms;">เป็นหนึ่งในประตูเมืองซึ่งมีอยู่ทั้งสี่ทิศ ประตูชัยอยู่ทางด้านทิศใต้ของปราสาทหินพิมายรับกับถนนโบราณที่ทอดตรงมาจากเมืองพระนครในเขมร มีแผนผังการก่อสร้างเหมือนกันทุกประตู คือเจาะเป็นช่องสูงเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ก่อด้วยศิลาแลง ด้านข้างทั้งสองด้านของประตูมีห้องอยู่สามห้อง เทคนิคการสร้างประตูเมืองนี้บ่งบอกว่าอยู่ในยุคสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทำให้สันนิษฐานได้ว่าประตูเมืองคงได้รับการสร้างเพิ่มเติมขึ้นภายหลังในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 </span></div>เอกลักษณ์http://www.blogger.com/profile/17138141840110887412noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3018581835590462088.post-43360361835813416602009-09-20T17:14:00.001-07:002009-09-20T19:48:27.544-07:00สระน้ำ หรือบาราย<a href="http://3.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/Srbpc50_ONI/AAAAAAAAABU/LhCtYY3ZBt8/s1600-h/sep47088.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5383747087336683730" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 190px; CURSOR: hand; HEIGHT: 143px" alt="" src="http://3.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/Srbpc50_ONI/AAAAAAAAABU/LhCtYY3ZBt8/s320/sep47088.jpg" border="0" /></a><br /><div><span style="font-family:trebuchet ms;">โบราณสถานเขมรมักมีสระน้ำ หรือที่ภาษาเขมรเรียกว่าบาราย อยู่คู่กันแทบทุกแห่ง เป็นสระที่ขุดขึ้นเพื่อเก็บกักน้ำไว้อุปโภคบริโภค บางคนก็เชื่อว่าเป็นสระน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อใช้ในการประกอบพิธีกรรม บริเวณเมืองพิมายมีบารายอยู่หลาย แห่งที่อยู่ภายในกำแพงเมือง คือ สระแก้ว สระพรุ่ง และสระขวัญ นอกเขตกำแพงเมืองคือสระเพลง อยู่ทางทิศตะวันออก สระโบสถ์ อยู่ทางทิศตะวันตก </span></div>เอกลักษณ์http://www.blogger.com/profile/17138141840110887412noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3018581835590462088.post-28421034764017089832009-09-20T17:13:00.000-07:002009-09-20T19:57:26.111-07:00บรรณาลัย<a href="http://4.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/SrbrjkbhpbI/AAAAAAAAAB0/wt82jt2N9bs/s1600-h/sep47105.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5383749400875083186" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 190px; CURSOR: hand; HEIGHT: 253px" alt="" src="http://4.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/SrbrjkbhpbI/AAAAAAAAAB0/wt82jt2N9bs/s320/sep47105.jpg" border="0" /></a><br /><div><span style="font-family:trebuchet ms;">เป็นอาคารก่อด้วยหินทรายสีแดงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ายกพื้นสูง ตั้งอยู่ใกล้ซุ้มประตูทิศตะวันตก นักโบราณคดีสันนิษฐานว่าเป็นที่เก็บรักษาตำราทางศาสนา หรืออาจเป็นที่ประทับของกษัตริย์เมื่อเสด็จมาทรงประกอบพิธีกรรม </span></div>เอกลักษณ์http://www.blogger.com/profile/17138141840110887412noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3018581835590462088.post-53645535687321659032009-09-20T17:12:00.001-07:002009-09-20T19:52:27.208-07:00ปรางค์หินแดง<a href="http://4.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/SrbqYwpIROI/AAAAAAAAABk/RR8KOVzw4n8/s1600-h/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%976.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5383748115663176930" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 320px; CURSOR: hand; HEIGHT: 199px" alt="" src="http://4.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/SrbqYwpIROI/AAAAAAAAABk/RR8KOVzw4n8/s320/%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25976.jpg" border="0" /></a><br /><div><span style="font-family:trebuchet ms;">ตั้งอยู่ด้านขวาของปรางค์ประธาน ก่อด้วยหินทรายสีแดง มีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 17 ในสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ซึ่งทรงนับถือศาสนาพราหมณ์ลัทธิไวษณพนิกาย และได้พบศิวลึงค์ในหอพราหมณ์ซึ่งตั้งอยู่ติดกับปรางค์หินแดงถึงเจ็ดองค์ จึงสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นสถานที่ที่ประกอบพิธีทางศาสนาพราหมณ์ </span></div>เอกลักษณ์http://www.blogger.com/profile/17138141840110887412noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3018581835590462088.post-60492995243505832052009-09-20T17:10:00.000-07:002009-09-20T19:51:30.463-07:00ปรางค์พรหมทัต<a href="http://3.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/SrbqKsjwIMI/AAAAAAAAABc/CtXYAsKUOZs/s1600-h/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%977.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5383747874048712898" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 265px; CURSOR: hand; HEIGHT: 200px" alt="" src="http://3.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/SrbqKsjwIMI/AAAAAAAAABc/CtXYAsKUOZs/s320/%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25977.jpg" border="0" /></a><br /><div><span style="font-family:trebuchet ms;">ก่อด้วยศิลาแลง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (พ.ศ. 1724-1761) เมื่อคราวที่พระองค์ทรงบูรณะปราสาทหินพิมาย ภายในปรางค์พบประติมากรรมศิลารูปบุคคลขนาดใหญ่นั่งขัดสมาธิ ชาวบ้านเรียกกันว่าท้าวพรหมทัต แต่นักโบราณคดีเชื่อว่าเป็นพระบรมรูปของพระเจ้าชัย-วรมันที่ 7 และพบรูปผู้หญิงนั่งคุกเข่าที่ชาวบ้านเรียกว่า นางอรพิมพ์ ในตำนานอรพิมพ์ ปาจิตต ซึ่งเป็นเรื่องเล่าในท้องถิ่น จนกลายเป็นชื่อบ้านนามเมืองในย่านเมืองพิมาย ประติมากรรมที่พบดังกล่าวสภาพไม่สมบูรณ์ ปัจจุบันนำไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย </span></div>เอกลักษณ์http://www.blogger.com/profile/17138141840110887412noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3018581835590462088.post-92179245375650216842009-09-18T18:29:00.001-07:002009-09-20T19:46:17.962-07:00ปรางค์ประธาน<a href="http://2.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/Srbo8ObNrhI/AAAAAAAAABM/swYsyO8UY58/s1600-h/250px-Phimai_Prang.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5383746525930040850" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 235px; CURSOR: hand; HEIGHT: 320px" alt="" src="http://2.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/Srbo8ObNrhI/AAAAAAAAABM/swYsyO8UY58/s320/250px-Phimai_Prang.jpg" border="0" /></a><br /><div><span style="font-family:trebuchet ms;">มีขนาดใหญ่ที่สุดในจำนวนปรางค์ทั้งสามองค์ สร้างขึ้นช่วงพุทธศตวรรษที่ 16-17 หันหน้าไปทางทิศใต้ ต่างจากปราสาทขอมแห่งอื่น ๆ ที่มักจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก สันนิษฐานว่าหันไปยังที่ตั้งเมืองพระนคร ซึ่งเป็นเมืองหลวงศูนย์กลางอำนาจของขอมในอดีต บ้างก็ว่าเป็นคติทางพุทธศาสนาที่ถือทิศใต้เป็นทิศแห่งการมีชีวิต<br />องค์ปรางค์ตั้งอยู่บนฐานสูงสองชั้นสลักลวดลายต่าง ๆ เช่น ลายประจำยาม ลายกลีบบัวอย่างสวยงาม ก่อด้วยหินทรายสีขาวทำเป็นชั้นซ้อนกันขึ้นไปห้าชั้น ที่ส่วนยอดจำหลักเป็นรูปครุฑแบกทั้งสี่ทิศ เหนือขึ้นไปสลักเป็นรูปเทพประจำทิศต่าง ๆ และรูปดอกบัว นับเป็นลักษณะสถาปัตยกรรมที่ต่างจากปราสาทหินที่พบทั่วไป<br />จากองค์ปรางค์ประธานมีมุขเชื่อมต่อกับห้องรูปสี่เหลี่ยมทางด้านทิศใต้หรือด้านหน้า ทำให้ภายในปรางค์ดูกว้างขวาง<br />ทับหลังและหน้าบันที่ประดับองค์ปรางค์ประธานส่วนใหญ่เล่าเรื่องรามายณะ และคติความเชื่อในศาสนาฮินดูหรือพราหมณ์ เช่น หน้าบันด้านทิศใต้ หรือด้านหน้าก่อนเดินเข้าในองค์ปรางค์เป็นภาพศิวนาฏราช หรือพระศิวะฟ้อนรำ 108 ท่า ในศาสนาฮินดูเชื่อว่า เมื่อใดที่พระศิวะฟ้อนรำผิดจังหวะ เมื่อนั้นโลกก็จะเกิดกลียุค นอกจากนี้ยังมีทับหลังที่จำหลักภาพอันเป็นหลักฐานสำคัญ ว่าปราสาทหินพิมายเป็นศาสนสถานในพุทธศาสนา คือภาพพุทธประวัติตอน "มารวิชัย" และพระโพธิสัตว์ในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน </span></div>เอกลักษณ์http://www.blogger.com/profile/17138141840110887412noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3018581835590462088.post-19245644669375621302009-09-18T18:28:00.000-07:002009-09-20T20:06:49.621-07:00พระระเบียง<a href="http://2.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/SrbtwJVhkEI/AAAAAAAAACM/qqeRx1ZnTlE/s1600-h/sep47096.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5383751815963709506" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 190px; CURSOR: hand; HEIGHT: 143px" alt="" src="http://2.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/SrbtwJVhkEI/AAAAAAAAACM/qqeRx1ZnTlE/s320/sep47096.jpg" border="0" /></a><br /><div><span style="font-family:trebuchet ms;">เมื่อมาถึงระเบียงก็ถือว่าเข้าสู่เขตชั้นในของปราสาทหินแล้ว พระระเบียงแต่ละด้านมีซุ้มประตูหรือโคปุระชั้นในอยู่กึ่งกลาง ที่น่าสนใจคือที่กรอบประตูด้านทิศใต้มีจารึกบนแผ่นหิน เป็นอักษรเขมรโบราณกล่าวถึงการสร้างเมืองพิมาย และการสร้างรูปเคารพ จากพระระเบียงจะเข้าสู่ชั้นในซึ่งเป็นส่วนสำคัญของปราสาทหินพิมาย มีปรางค์สามองค์ตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน คือ ปรางค์ประธาน ปรางค์พรหมทัต และปรางค์หินแดง </span></div>เอกลักษณ์http://www.blogger.com/profile/17138141840110887412noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3018581835590462088.post-26936960640349063492009-09-18T18:27:00.000-07:002009-09-20T19:45:19.654-07:00ซุ้มประตู หรือโคปุระชั้นนอก<a href="http://1.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/SrboswDR6AI/AAAAAAAAABE/GiVr0XbEcrc/s1600-h/300px-%E0%B8%8B%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B8%B9%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5383746260078553090" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 300px; CURSOR: hand; HEIGHT: 199px" alt="" src="http://1.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/SrboswDR6AI/AAAAAAAAABE/GiVr0XbEcrc/s320/300px-%25E0%25B8%258B%25E0%25B8%25B8%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B9%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B3%25E0%25B9%2581%25E0%25B8.jpg" border="0" /></a><br /><div><span style="font-family:trebuchet ms;">มีทั้งหมดสี่ด้านอยู่กึ่งกลางแนวกำแพง ลักษณะการสร้างเหมือนกันทุกด้านคือมีขนาดกว้างสามคูหามีเสาศิลา ช่องลมประดับข้างละสองช่อง เคยพบทับหลังชิ้นหนึ่งที่โคปุระด้านทิศตะวันตก สลักเป็นรูปขบวนแห่พระพุทธรูปนาคปรกประดิษฐานบนคานหาม ทับหลังชิ้นนี้ปัจจุบันอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย </span></div>เอกลักษณ์http://www.blogger.com/profile/17138141840110887412noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3018581835590462088.post-68092871377356535022009-09-18T18:22:00.000-07:002009-09-20T19:44:00.767-07:00สะพานนาค<a href="http://4.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/SrboXi4JFwI/AAAAAAAAAA8/lzIm2pn0sCI/s1600-h/300px-%E0%B8%AA%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A-01.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5383745895764924162" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 300px; CURSOR: hand; HEIGHT: 160px" alt="" src="http://4.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/SrboXi4JFwI/AAAAAAAAAA8/lzIm2pn0sCI/s320/300px-%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%258A-01.jpg" border="0" /></a><br /><div><span style="font-family:trebuchet ms;">เป็นทางที่ทอดนำเข้าสู่ตัวปรางค์ มีนาคทอดตัวยาวเป็นราวบันได ชูเศียรทั้งเจ็ดแผ่พังพานเปล่งรัศมีอย่างสวยงาม นาคเป็นสัตว์มงคลที่มักพบตามโบราณสถาน ที่ได้รับอิทธิพลจากคติของศาสนาฮินดู หรือพราหมณ์ซึ่งเชื่อว่านาคทอดร่างเป็นทางเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับสวรรค์ที่เชิงบันไดนาคทั้งสองข้างมีสิงห์จำหลักจากหินประดับอยู่ข้างละตัว สิงห์มีท่าทางองอาจเสมือนเป็นผู้พิทักษ์โบราณสถาน ลักษณะทางศิลปกรรมของสิงห์และนาคนี้ คล้ายศิลปะที่นครวัดที่สร้างในช่วงรัชกาลพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 (พ.ศ. 1656-1688) </span></div>เอกลักษณ์http://www.blogger.com/profile/17138141840110887412noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3018581835590462088.post-62431585476911491712009-09-18T18:18:00.000-07:002009-09-18T18:21:43.845-07:00คลังเงิน<span style="font-family:trebuchet ms;">จากประตูชัยเข้าไปก่อนถึงตัวปรางค์ จะเห็นคลังเงินตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก หรือทางด้านซ้ายมือ ปัจจุบันอาคารคลังเงินเหลือเพียงซากฐานขนาดใหญ่ เหตุที่เรียกอาคารหลังนี้ว่า "คลังเงิน" เพราะเคยพบเหรียญสำริดโบราณซึ่งด้านหนึ่งเป็นรูปครุฑหรือหงส์ อีกด้านหนึ่งเป็นอักษรโบราณ นอกจากนี้ยังพบทับหลังจำหลักเป็นรูปคนกำลังหลั่งน้ำมอบม้าแก่พ</span><span style="font-family:trebuchet ms;">ราหมณ์ </span>เอกลักษณ์http://www.blogger.com/profile/17138141840110887412noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3018581835590462088.post-38087320260334102832009-09-06T19:56:00.000-07:002009-09-06T20:21:18.455-07:00พลับพลา<a href="http://1.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/SqR7pdQFebI/AAAAAAAAAA0/BganUXDT_z8/s1600-h/à¸à¸£à¸²à¸ªà¸²à¸2.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5378559807144163762" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 140px; CURSOR: hand; HEIGHT: 105px" alt="" src="http://1.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/SqR7pdQFebI/AAAAAAAAAA0/BganUXDT_z8/s320/%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25972.jpg" border="0" /></a><br /><div><span style="font-family:trebuchet ms;">ปราสาทหินพิมาย หันหน้าไปทางทิศใต้ไปทางที่ตั้งของเมืองพระนครซึ่งเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรขอม ปราสาทหินพิมายมีแบบแปลนเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 565 ม. ยาว 1,030 ม. ล้อมรอบด้วยคูน้ำ มีประตูเมืองทั้งสี่ทิศ ภายในบริเวณปราสาทหินมีโบราณสถานที่น่าสนใจหลายแห่งโดยเริ่มตั้งแต่ทางเข้าตามลำดับดังนี้ </span><a name=".E0.B8.84.E0.B8.A5.E0.B8.B1.E0.B8.87.E0.B9.80.E0.B8.87.E0.B8.B4.E0.B8.99"></a><br /><span style="font-family:trebuchet ms;"><strong></strong></span></div><div><span style="font-family:trebuchet ms;"><strong>พลับพลา</strong> </span></div><div><span style="font-family:trebuchet ms;"></span></div><div><span style="font-family:trebuchet ms;">ซึ่งเป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นที่เตรียมพระองค์สำหรับกษัตริย์หรือเจ้านายชั้นสูงเพื่อที่จะเปลี่ยนเครื่องทรงและจัดของสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในปราสาท เดิมเรียกว่า คลังเงิน เพราะได้ขุดพบโบราณวัตถุเป็นจำนวนมาก ทั้งรูปเคารพ เครื่องประดับและเหรียญสำริดเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๑ ในการเดินทางเข้าสู่ศาสนสถานอันศักดิ์สิทธิ์จะเริ่มต้นที่ สะพานนาคราช ซึ่งทำเป็นรูปพญานาคเจ็ดเศียรแผ่พังพานอยู่เพื่อนำไปสู่ ซุ้มประตู หรือ โคปุระ และ กำแพงแก้ว เมื่อเดินผ่านกำแพงแก้วแล้วก็จะถึง ชานชาลา ซึ่งเป็นทางเดินที่ก่อสร้างด้วยหินทรายเป็นเส้นทางนำไปสู่ ระเบียงคด ซึ่งมีซุ้มประตูอยู่ตรงกลางเช่นเดียวกับกำแพงแก้ว จากนั้นก็จะถึง ปราสาทประธาน หอพราหมณ์ ปรางค์หินแดง และ ปรางค์พรหมทัต โดยที่ทับหลังหรือหน้าบันของปราสาทประธานทางด้านทิศใต้ (ด้านหน้าปราสาท) จะเป็นรูป ศิวนาฏราช ส่วนทางด้านทิศอื่นๆ จะเป็นภาพเรื่องเล่าจาก รามเกียรติ์ และเรื่องราวทาง พุทธศาสนา และภายในห้อง ครรภคฤหะ จะมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ </span></div><div><span style="font-family:Trebuchet MS;">ที่มา </span></div><a href="http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%AB%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2">http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%AB%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2</a><br /><br /><div><span style="font-family:Trebuchet MS;"></span></div>เอกลักษณ์http://www.blogger.com/profile/17138141840110887412noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3018581835590462088.post-83509650730483321802009-09-06T17:23:00.000-07:002009-09-13T09:06:18.609-07:00การวิเคราะห์และประเมินผลงานสื่อนำเสนอแบบต่างๆ<span style="font-family:trebuchet ms;">การวิเคราะห์และประเมินผลงานสื่อนำเสนอแบบต่างๆ</span><br /><br />ปัจจุบันสื่อมีความหลากหลายและเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น นอกจากช่องทางแบบเก่าคือ วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมห์แล้ว มีช่องทางใหม่ๆผ่านสื่อดิจิตอล ได้แก่ เว็บ บล็อก โทรศัพท์มือถือ เครื่องคอมพิวเตอร์พกพา (ipod) ข้อมูลข่าวสารทั้งหลายจึงทะลักสู่ผู้รับเป็นจำนวนมหาศาลตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน ผู้ส่งข่าวสารจึงกลายเป็นผู้กำหนดการรับรู้ข่าวสารของผู้รับไปโดยปริยายตาม ทฤษฎีของนักคิดด้านสังคมคนสำคัญคือ มิเชล ฟูโกต์(Michel Foucault) เสนอว่า สื่อเป็นเครื่องมือในการสร้างและรักษาอำนาจของเจ้าของสื่อหรือผู้ที่สามารถ ควบคุมสื่อไว้ในมือ อธิบายได้ว่า การใช้สื่อเผยแพร่แนวคิด อุดมคติ ความเชื่อ ให้แก่คนทั้งหลาย ตอกย้ำซ้ำเติมอยู่ตลอดเวลา จนผู้ที่รับข่าวสารเกิดความคล้อยตาม เชื่อ และทำตามผู้ที่เป็นเจ้าของหรือควบคุมสื่อต้องการในที่สุดจะเห็นได้ ชัดเจนในทางการเมืองที่รัฐจะใช้สื่อในการสร้างอุดมการณ์ทางการเมืองขึ้น ให้คนในชาติเกิดความ มีความคิดความเชื่อเป็นหนึ่งเดียว คล้อยตามการชี้นำของรัฐ นำไปสู่การจงรักภักดีต่อรัฐ จนในที่สุดรัฐหรือรัฐบาลสามารถบงการประชาชนให้เชื่อฟังและทำตามความต้องการ ได้ การอยู่ในอำนาจของรัฐบาลและรักษาอำนาจของตนก็ทำได้โดยง่ายดายปัจจุบัน สื่อก็เป็นเครื่องมือ ในการสร้างอำนาจให้แก่ผู้ใช้สื่ออยู่เช่นเดิม เพียงแต่อำนาจที่ว่านั้น ไม่ใช่อำนาจทางการเมืองเสมอไป เพราะการเป็นเจ้าของสื่อไม่ได้จำกัดอยู่ที่รัฐเพียงเท่านั้น เอกชนก็สามารถเป็นเจ้าของสื่อได้ ดังนั้น ผู้ที่ใช้สื่อเป็นเครื่องมือในการสร้างและรักษาอำนาจของตน จึงเปิดกว้างมากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ยังอยู่ภายใต้การกำกับควบคุมของรัฐ ผ่านการบังคับใช้กฎหมายต่างๆเมื่อการเป็นเจ้าของสื่อเปิดกว้างขึ้น การใช้สื่อก็กว้างขวางขึ้น ผู้ที่มีสื่อในมือก็สามารถใช้สื่อเป็นประโยชน์แก่ตนเองได้อย่างแทบไม่มีข้อ จำกัด เช่นในทางการเมือง รัฐก็ยังคงใช้สื่อภายใต้การกำกับหรือสื่อที่รัฐเป็นเจ้าของ ในการเผยแพร่ความ คิดอุดมการณ์ทางการเมืองอยู่เช่นเดิม ดังเช่น สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ เป็นสื่อที่รัฐเป็นเจ้าของ จึงทำหน้าที่เผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร ของรัฐเป็นหลักในการต่อสู้ทางการเมือง สื่อยิ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของแต่ละฝ่าย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือแก่ฝ่ายตนและทำลายความน่าเชื่อถือของฝ่ายตรงกัน ข้าม ดังเช่น ความขัดแย้งทางการเมืองในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในช่วงปี พ.ศ.2547-2549 โดยสองฝ่ายคือ ฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่รวมตัวกันในนาม พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เคลื่อนไหวทางการเมืองโดยการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารการกระทำอันมิชอบของ รัฐบาล และดำเนินการชุมนุมต่อต้านขับไล่รัฐบาลให้พ้นจากตำแหน่ง โดยมีประชาชนเป็นจำนวนมากเข้าร่วม ทั้งสองฝ่ายต่างใช้สื่อที่ตนครอบครองอยู่เผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร ในมุมของตนออกสู่สาธารณชนในทางการค้า ปัจจุบันสื่อกลายเป็นเครื่องมืออันสำคัญยิ่งให้เจ้าของสินค้าใช้เป็นช่องทาง ในการเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร ให้คนทั่วไปได้รับรู้ในสินค้าและบริการของตน รวมถึงการโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเชื่อถือและความนิยมในสินค้า ทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม รูปแบบการนำเสนอได้ถูกคิดค้นขึ้นมานานาชนิด เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและสร้างความประทับใจให้ได้มากที่สุด อันจะนำไปสู่การซื้อสินค้าของกลุ่มเป้าหมายด้วยเหตุที่สื่อเป็นเครื่อง มืออันทรงพลังที่ทำให้ผู้คนรับรู้ เชื่อถือ คล้อยตาม และนำไปสู่การยอมรับ ดังนั้นเราจึงเห็นการขับเคี่ยวแข่งขันกันผ่านสื่อของเจ้าของสินค้าและบริการ รวมถึงในกรณีที่เกิดความขัดแย้งทางการเมืองขึ้น คู่ขัดแย้งก็ใช้สื่อเป็นเครื่องมือในการสร้างความถูกต้องให้แก่ฝ่ายตนและ ทำลายความชอบธรรมของฝ่ายตรงกันข้าม คำถามก็คือ ข้อมูลข่าวสารที่เผยแพร่ผ่านสื่อนั้น มีข้อเท็จจริงมากน้อยเพียงใดความ ชอบธรรม ความถูกต้อง ของฝ่ายตนกล่าวอ้างผ่านสื่อนั้น แท้จริงแล้วเป็นความถูกต้องความชอบธรรมที่แท้จริงหรือไม่ และความผิด ความไม่ชอบธรรมของฝ่ายตรงกันข้าม เป็นความจริงหรือไม่ นี่ย่อมเป็นคำถามที่มีต่อทุกฝ่ายที่ใช้สื่อ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายตรงกันข้ามกับรัฐบาลหรือคุณภาพของสินค้าและบริการที่เผยแพร่ ผ่านสื่อนั้น มีความถูกต้องตรงตามความเป็นจริงหรือไม่ โดยเฉพาะการโฆษณาที่มุ่งเสนอคุณภาพของสินค้าและบริการนั้น ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงเพียงใด เป็นความจริงที่แท้จริงของสินค้า หรือเป็นความจริงสมมติที่ถูกสร้างขึ้นเฉพาะในโฆษณาเท่านั้นสื่อจึงเป็น เหมือนสนามรบให้ทั้งสองฝ่ายทำสงครามกันอย่างดุเดือด สงครามข้อมูลผ่านสื่อนั้น ไม่ว่าเป็นสงครามแบบไหน ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือผู้รับสื่อ คือเราๆท่านๆที่บริโภคข่าวสาร ผ่านช่องทางต่างๆ อันเป็นกลุ่มเป้าหมายของคู่สงคราม ไม่ว่าจะเป็นสงครามการเมือง การค้า การตลาด การบริการผู้รับสื่อจึงต้องพิจารณาให้ถ้วนถี่ ก่อนที่จะเชื่อ จะเห็นด้วย และคล้อยตามฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือสินค้าตัวใดตัวหนึ่งเพราะกระบวนการตกแต่งข้อมูล บิดเบือนข้อเท็จจริงนั้น สามารถทำได้ ไม่ว่าจากฝ่ายใดวิธีที่ดีที่สุดก็คือ เตือนตัวเองอยู่เสมอว่า ผู้บริโภคสื่อ คือตัวเรานั้น เป็นเหยื่อ เป็นเหยื่อและเป็นเหยื่อจากนั้นก็คิดวิธีรักษาตัวให้รอดจากการตกเป็นเหยื่อให้ได้เป็นลำดับถัดมาขอให้โชคดีทุกคน.การประเมินผลสื่อการเรียนการสอน- ความหมายของการประเมินผลสื่อการเรียนการสอน- การตรวจสอบสื่อการเรียนการสอนการตรวจสอบโครงสร้างภายในสื่อ (Structural)การตรวจสอบคุณภาพสื่อ (Qualitative)- การทดสอบสื่อการ ประเมินผลสื่อการเรียนการสอน หมายถึง การวัดผลสื่อการเรียนการสอนมาตีความหมาย (Interpretation) และตัดสินคุณค่า (Value judgment) เพื่อที่จะรู้ว่า สื่อนั้นทำหน้าที่ตาม วัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ได้แค่ไหน มีคุณภาพดีหรือไม่เพียงใด มีลักษณะถูกต้องตามที่ต้องการ หรือไม่ประการใดการตรวจสอบสื่อการเรียนการสอนการตรวจสอบแบ่งออกได้เป็นสองส่วนใหญ่ คือการตรวจสอบโครงสร้างภายในสื่อ (Structural)การตรวจสอบคุณภาพสื่อ (Qualitative)การตรวจสอบโครงสร้างภายในสื่อ (Structural)<br />1. ลักษณะสื่อ<br />1.1 ลักษณะเฉพาะตามประเภทของสื่อ<br />1.2 มาตรฐานการออกแบบ (Design Standards)<br />1.3 มาตรฐานทางเทคนิควิธี (Technical Standards)<br />1.4 มาตรฐานความงาม(Aesthetic standards)<br />ผู้ตรวจสอบลักษณะสื่อการเรียนการสอน ได้แก่ นักโสตทัศนศึกษานักเทคโนโลยีการศึกษา<br />2. เนื้อหาสาระเนื้อหา<br />ที่ปรากฏในสื่อจะต้องครบถ้วนและถูกต้อง ความถูกต้องนี้จะถูกต้องตามเนื้อหารสาระจริง ซึ่งอาจบอกขนาด ปริมาณ และหรือเวลา เป็นต้น สาระ หรือมโนทัศน์ที่สำคัญต้องปรากฏอย่างชัดเจนผู้ตรวจสอบเนื้อหาสาระ ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญในเนื้อหาสาระเฉพาะ และครูผู้สอนกลุ่มเป้าหมายเป็นจำนวนอย่างน้อย 3 คน<br />การตรวจสอบคุณภาพสื่อ (Qualilative basis)<br />เครื่องมือในการทดสอบคุณภาพสื่อการเรียนการสอน เครื่องมือที่นิยมใช้กันมามี 2 แบบ คือ<br />1. แบบทดสอบ การพัฒนาแบบทดสอบมีขั้นตอนดังนี้<br />กำหนดจำนวนข้อของแบบทดสอบ<br />พิจารณากำหนดน้ำหนักวัตถุประสงค์แต่ละข้อของการพัฒนาสื่อ แล้วคำนวณจำนวนข้อทดสอบสำหรับวัตถุประสงค์แต่ละข้อสร้าง ข้อสอบตามจำนวนที่กำหนดไว้ในข้อ 1.2 โดยสามารถวัดตามเกณฑ์ที่กำหนดได้ในวัตถุประสงค์แต่ละข้อ โดยปกติควรจะสร้างข้อสอบสำหรับวัดแต่ละวัตถุประสงค์ให้มีจำนวนข้ออย่างน้อย ที่สุดเป็น 2 เท่าของจำนวนข้อสอบที่ต้องการเพื่อการคัดเลือกข้อที่เหมาะสมหลังจากที่ได้นำ ไปทดลองใช้และวิเคราะห์ข้อสอบพิจารณาตรวจเพื่อความถูกต้องนำแบบทดสอบไปทดลองใช้กับตัวแทนกลุ่มเป้าหมายวิเคราะห์แบบทดสอบโดยตรวจค่าความเชื่อมั่น ความตรงเชิงเนื้อหา และค่าความยากง่ายคัดเลือกข้อสอบให้มีจำนวนข้อตามความต้องการ<br />2. แบบสังเกต สิ่งสำคัญที่ควรสังเกต และบันทึกไว้เป็นรายการในแบบสังเกต คือความสามารถเข้าใจได้ง่าย (Understandable)การใช้ประสาทสัมผัสได้ง่าย เช่น มีขนาด อ่านง่าย หรือดูง่าย คุณภาพของเสียงดี ฟังง่าย ฯลฯการเสนอตัวชี้แนะ (Cuing) สำหรับสาระสำคัญเด่น ชัดเจน สังเกตง่าย (Noticable)ระยะเวลาที่กำหนดเหมาะสมวิธีการใช้ที่ง่าย สะดวก ไม่ยุ่งยาก หรือสลับซับซ้อนผู้เรียนสนใจ และติดตามการแสดงของสื่อโดยตลอดตัวแทนกลุ่มเป้าหมายได้แก่ ผู้เรียน หรือบุคคลที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมายซึ่งคัดเลือกมาโดยวิธีการสุ่มตัวอย่างตามจำนวนที่ต้องการในแต่ละครั้งของการทดสอบเอกลักษณ์http://www.blogger.com/profile/17138141840110887412noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3018581835590462088.post-30176029026788818282009-09-03T21:20:00.000-07:002009-09-06T17:18:41.667-07:00หลักการออกแบบและพัฒนาการนำเสนองานผ่านเว็บ<span style="font-family:trebuchet ms;">การนำเสนอบนเว็บนั้นก็จัดเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของกระบวนการสื่อสาร รูปแบบและกระบวนการสื่อสารนั้นประกอบด้วยกระบวนการสื่อสารมีองค์ประกอบ 4 ส่วน ดังนี้</span><br /><span style="font-family:trebuchet ms;">1.<strong> ผู้ส่งสาร (Sender)</strong> ซึ่งก็คือเรานั่นเอง </span><br /><span style="font-family:trebuchet ms;">2. <strong>สาร (Message)</strong> หมายถึง สิ่งที่เราต้องการนำเสนอ </span><br /><span style="font-family:trebuchet ms;">3. <strong>สื่อหรือช่องทาง (Medium/Channel)</strong> หมายถึง ตัวกลางหรือสิ่งที่จะนำสารที่เรา ต้องการต้องการนำเสนอไปสู่ผู้รับ เช่น สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อโสตทัศน์ต่างๆ และในที่นี้ก็คง จะเป็น Web Site นั่นเอง </span><br /><span style="font-family:trebuchet ms;">4. <strong>ผู้รับ (Receiver)</strong> ก็คือผู้รับสาร และการนำเสนอผ่าน WWW นั้นผู้รับสาร เรามีมากมายทั่วโลกที่จะเข้ามาชม Web ของเรา ดังนั้นในการออกแบบและจัด ทำนั้นเราควรมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งจะทำให้เรามีเป้าหมายในการทำงาน</span><br /><span style="font-family:trebuchet ms;">หลักการโดยทั่วไปในการจัดทำ Web เท่าที่ค้นคว้าและสรุปได้เป็นดังนี้<br />1. การวางแผน ข้อนี้ผมได้กล่าวไปแล้วนะครับ<br />2. การเตรียมการ เช่น การเตรียมการด้านข้อมูลทั้งที่เป็นเนื้อหา ภาพ เสียง หรือสิ่งจำเป็นต่างๆ ที่ท่านคิดว่าต้องการจะนำเสนอ<br />3. การจัดทำ เมื่อวางแผนและเตรียมการเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาจัดทำแล้วนะครับ บางท่านอาจจะทำคนเดียว เช่นเดียวกันกับผมก็ได้ การทำเว็บคนเดียวไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก แต่ขอให้มีเวลาให้ก็พอ แต่บางครั้งความคิดความอ่านอาจจะไม่แล่นเท่ากับทำหลายคน<br />4. การทดสอบ การทำงานทุกครั้ง ควรจะมีการทดสอบก่อนเผยแพร่ทุกครั้ง เพื่อหาข้อบกพร่องแล้วนำมาแก้ไข การทำเว็บนั้น เมื่อทำเสร็จและ Upload ไปไว้ใน Server แล้วไม่ว่าจะเป็นของฟรีหรือเสียเงินก็ตาม ให้ท่านลองแนะนำเพื่อนฝูงที่สนิทชิดเชื้อและใช้ิอินเทอร์เน็ตอยู่ ลองเปิดดูและให้บอกข้อผิดพลาดมา เช่น การ link ต่างๆ, รูปภาพ และตัวอักษรว่าถูกต้อง ช้าไปหรือเปล่า เหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีผลต่อเว็บทั้งสิ้น</span><br /><span style="font-family:trebuchet ms;">ถ้าหากท่านทดสอบจากเครื่องของท่านเองแล้ว ข้อผิดพลาดต่างๆ มักจะไม่ค่อยปรากฏให้เห็น เนื่องจากว่าข้อมูลต่างๆ จะอยู่ในเครื่องของท่าน และ link ต่างๆ เช่นกัน โปรแกรมจะทำการค้นหาในเครื่องจนพบ ทำให้เราไม่เห็นข้อผิดพลาด </span><br /><span style="font-family:trebuchet ms;">5. การเผยแพร่ เมื่อทำการทดสอบ แก้ไขปรับปรุงเสร็จแล้ว ท่านก็สามารถเผยแพร่เว็บของท่านออกสู่สาธารณชนได้แล้ว ส่วนจะประชาสัมพันธ์อย่างไร ก็สุดแล้วแต่ท่านเอง</span><br /><span style="font-family:trebuchet ms;">"ถ้าจะทำเว็บ จะทำเรื่องอะไรดี" ผมก็ตอบว่า "ทำเรื่องที่เราถนัดและรู้ดีที่สุด" อย่างที่ผมเรียนให้ทราบตั้งแต่แรกนั่นละครับ ทำคนเดียวดูคนเดียวก่อนก็ได้ ถ้าคิดว่าดีพอแล้ว ก็บอกเพื่อนๆ ให้ทราบ และถ้าคิดว่าถึงเวลาจะประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านรับรู้ก็ลองติดต่อกับเว็บไซต์ดังๆ ให้เขาช่วยนำเสนอ หรือจะแลก link กับเว็บไซต์อื่นๆ ก็ไม่ผิดกติกาอันใด<br />ถ้าหากท่านยังไม่ทราบจริงๆ ว่าจะทำอะไรดี ลองมาดูแนวทางและเนื้อหาที่ควรจะนำเสนอซึ่งมีดังนี้<br />1. เรื่องของตัวเอง เอาเรื่องนี้แหละ ลองเขียนดู อยากเล่าอะไรเกี่ยวกับตัวเองให้คนอื่นได้รับรู้ เช่น ความชอบ ความถนัด เรื่องราวประทับใจในวัยเด็ก วัยรุ่น วัย...เยอะแยะไปหมดงานอดิเรก ภาพถ่ายต่างๆ ฯลฯ<br />2. เรื่องงานอดิเรกหรือเรื่องที่สนใจเป็นพิเศษ หัวข้อนี้ก็แยกมาจากข้อ 1 หากใครไม่ต้องการเล่าเรื่องตัวเองให้ใครได้รับรู้ ก็เอาเรื่องที่เราชอบหรือสนใจเป็นพิเศษ ยกตัวอย่าง เว็บไซต์แรกที่ทำเป็นเรื่องการถ่ายภาพหลังๆ นี้วิชาชักแก่กล้าก็หันมาเล่นเรื่องเทคโนโลยีการศึกษาระดับชาติกันเลยทีเดียว<br />3. เรื่องราวข่าวสารต่างๆ จากนิตยสารหรือหนังสือพิมพ์ บางครั้งเราอ่านหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารต่างๆ และมีเรื่องราวที่น่าสนใจ บางคนตัดแปะเก็บเอาไว้ตั้งแต่สมัยยังไม่มีเว็บไซต์และพอเริ่มรู้จักเว็บและอยากมีเว็บเป็นของตัวเอง ถ้าไม่รู้จะเสนออะไร ก็เอาข่าวหรือเรื่องราวพวกนี้แหละมานำเสนอ ทั้งเก่าและใหม่ คละเคล้ากันไป ตัวอย่างก็มีให้เห็นกันมากมาย<br />4. เรื่องราวของบริษัท บางท่านอาจจะทำงานในหน่วยงาน และร้อนวิชาอยากจะทำเว็บไซต์นี่ก็เป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะเพิ่มความก้าวหน้าในหน้าที่การงานของท่าน ก็ลองปรึกษาหัวหน้างานดูว่า ถ้าจะอาสาทำให้นี่จะได้ไหม<br />5. เรื่องราวของโรงเรียน ข้อนี้ สำหรับโรงเรียนที่ต้องการจะทำเว็บไซต์ในแง่มุมต่างๆ อาทิประวัติความเป็นมา รายชื่ผู้บริหาร ครูอาจารย์ ผลงานของโรงเรียน ฯลฯ เป็นต้น เท่าที่สำรวจมาส่วนใหญ่ก็จะเป็นอย่างนี้ ทีนี้ จะเสนอแนวคิดในการทำเว็บไซต์เพื่อการศึกษาบ้าง เช่น การนำเสนอแผนการสอนหรือวิธีการสอนที่ใช้แล้วนักเรียนสนใจเรียนและมีผลการเรียนดีขึ้น หรือ การสร้างและผลิตสื่อสารสอนโดยใช้วัสดุท้องถิ่น ต่างๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ทั้งสิ้น ถ้าหากโรงเรียนแต่ละโรงเรียนเสนอแนวคิดของตนเองเพียงหนึ่งคิด หากมีสัก 500 โรงเรียนทั่วประเทศเราก็จะมีแนวคิดที่หลากหลาย อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาการศึกษาต่อไป</span><br /><strong>การนำเสนอด้วยเว็บ(Web Presentation)</strong><br /> เพื่อให้การนำเสนอด้วยเว็บเป็นไปอย่างน่าสนใจและดึงดูดผู้คนให้เข้ามาชม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทราบถึงหลักการและวิธีการในการออกแบบและการนำเสนอ เพราะถ้าหากทำไปโดยปราศจากการออกแบบหรือการนำเสนอที่ดีแล้ว ผู้ชมอาจจะไม่สนใจและใส่ใจที่จะเข้ามาชม ทำให้การนำเสนอในครั้งนั้นสูญเปล่าได้ดังนั้นผู้ที่จะออกแบบควรเรียนรู้และเข้าใจถึงกระบวนการของการนำเสนอก่อน<br /> เนื่องจากเวิลด์ไวด์เว็บนั้น นอกจากจะเป็นแหล่งข้อมูลที่หลากหลายเพื่อการค้นหาแล้ว หน่วยงานและองค์กรต่างๆ รวมถึงบุคคลยังสามารถใช้เว็บเพื่อเป็นสื่อในการนำเสนออีกทางหนึ่งด้วยและกระบวนการนำเสนอผ่านเว็บนั้นก็ไม่ได้แตกต่างจากการนำเสนอผ่านสื่ออื่นๆ เช่น การนำเสนอด้วยสไลด์ การนำเสนอด้วยรายการวิทยุโทรทัศน์ การนำเสนอผลงานด้วยคอมพิวเตอร์ เช่น โปรแกรม PowerPoint หรือการทำบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เท่าใดนัก แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้การนำเสนอด้วยเว็บมีความน่าสนใจและแตกต่างจากสื่ออื่นก็คือ สิ่งที่ปรากฏบนเว็บนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูล<br /> ให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ ยังเป็นสื่อที่มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ทำเว็บกับผู้ชมหรือระหว่างผู้ชมกับผู้ชมด้วยกันเองได้ทันทีอีกด้วย โดยอาศัยหลักการที่เรียกว่า Common Gateway Interface (CGI)ซึ่งได้กล่าวถึงรายละเอียดในเรื่องของเว็บเพจแล้ว<br /><strong>ขั้นตอนในการนำเสนอ</strong><br />ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า การนำเสนอด้วยเว็บเพจก็มีลักษณะคล้ายคลึงกับการนำเสนอด้วยสื่อทั่วไป คือมีวัตถุประสงค์เพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ส่งและผู้รับโดยมีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นสื่อและขั้นตอนต่างๆในการนำเสนอผ่านเว็บ (Lemay, 1996; Nielsen, 1999; กิดานันท์ มลิทอง, 2542;) ได้กล่าวไว้ มีดังนี้<br /><strong>1. การวางแผนและตั้งวัตถุประสงค์</strong><br />การวางแผนในที่นี้รวมถึงการกำหนดจุดมุ่งหมายและกลุ่มเป้าหมายของการทำงานด้วยในการนำเสนอต่างๆ หรือทำเว็บก็ตาม หากมีจุดหมายว่า จะทำเพื่ออะไร เพื่อใคร อย่างไร เมื่อมีจุดมุ่งหมายและกลุ่มเป้าหมายที่แน่ชัดแล้ว จะทำให้มองเห็นเป้าหมายในการทำงานได้ชัดเจนขึ้น ตัวอย่างเช่น หากต้องการจะนำเสนอเกี่ยวกับเรื่องช้าง โดยมีจุดหมายเพื่อนำเสนอความรู้เกี่ยวกับช้างตั้งแต่ดึกดำบรรพ์จนถึงปัจจุบันโดยมีกลุ่มเป้าหมายคือคนที่สนใจเรื่องช้างและเรื่องธรรมชาติ และต้องการนำเสนอผ่านเว็บเมื่อทราบเช่นนี้แล้ว ก็จะทำให้การทำงานในขั้นตอนต่อไปง่ายยิ่งขึ้น<br /><strong>2. รวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูล</strong><br />เมื่อได้เรื่องราวที่จะนำเสนอ โดยมีจุดมุ่งหมายและกลุ่มเป้าหมายแน่ชัดแล้ว ก็ถึงขั้นตอนในการรวบรวมแหล่งข้อมูล จากตัวอย่างเรื่องช้างในข้อที่ 1. ก็ค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ทั้งที่เป็นเนื้อหา รูปภาพเสียงตลอดจนภาพเคลื่อนไหว และสิ่งอื่นๆ ที่เกี่ยวกับช้าง ที่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อการนำเสนอ<br /><div><strong>3.ศึกษาและเรียงลำดับข้อมูล<br /></strong>หลังจากได้ข้อมูลเบื้องต้นมาแล้ว ควรที่จะศึกษาข้อมูลเหล่านั้นว่าส่วนไหนที่เกี่ยวข้องกันสามารถแยกเป็นหมวดเป็นหมู่ได้หรือไม่ เช่น เมื่อหาข้อมูลเรื่องช้างมาได้พอสมควร อาจจะแยกแยะเป็นหมวด ดังนี้ประวัติของช้างตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ วิวัฒนาการของช้าง ประเภทของช้าง ช้างไทยประโยชน์ของช้าง ฯลฯ เป็นต้นเมื่อได้หัวข้อหลักแล้ว ส่วนประกอบย่อยต่างๆ ก็จะค้นหาได้ง่ายขึ้น</div><div><strong>4. การออกแบบสาร</strong><br />เมื่อได้เนื้อหาและหัวข้อในการนำเสนอแล้ว ลำดับต่อมาก็๋คือการออกแบบเนื้อหาให้น่าสนใจ ซึ่งตามหลักของเทคโนโลยีการศึกษา เรียกว่า การออกแบบสาร (message design) การออกแบบสารนี้นอกจากด้านเนื้อหาแล้ว ยังรวมไปถึงองค์ประกอบต่างในการนำเสนอด้วย เช่น สีของตัวอักษร, ภาพประกอบ กราฟิก, เสียงฯลฯ เหล่านี้จะต้องสื่อความหมายไปในทิศทางเดียวกันกับเนื้อหาด้วย นอกจากนี้ ควรจะเป็นมาตรฐานเดียวกันเช่น สีของตัวอักษร สัญรูปหรือปุ่มต่างๆ ที่ใช้ในการเชื่อมโยง</div><div><strong>5. การเขียนแผนผังของงาน<br /></strong>การทำแผนผังของงาน (flow chart) จะทำให้ลำดับเรื่องราวได้ง่ายขึ้นและเป็นประโยชน์ในการเชื่อมโยงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกัน ซึ่งในการออกแบบเว็บนั้นนักออกแบบบางคนจะทำแผนผังของงานโดยใช้กระดาษสติกเกอร์ที่สามารถลอกออกได้แปะไว้บนบอร์ด ตามลำดับของเนื้อหาเพราะง่ายต่อการเปลี่ยนแปลงหรือบางคนอาจจะใช้วิธีการเขียนบนไวท์บอร์ดด้วยปากกาที่ลบได้โดยง่าย</div><div> </div><br /><strong>6. การเขียนบทภาพ (storyboard)<br /></strong>การเขียนบทภาพ (storyboard) ของงานลงในกระดาษก่อนลงมือทำ นอกจากจะทำให้ เรากำหนดองค์ประกอบของงานได้อย่างคร่าวๆ แล้วยังช่วยให้มองเห็นภาพของงานชัดเจนยิ่งขึ้น และเมื่อลงมือทำงานจริงๆก็จะทำได้ง่ายขึ้น<br /><strong>7. การจัดทำเว็บ<br /></strong>เมื่อผ่านขั้นตอนทุกอย่างจนมาถึงขั้นการจัดทำแล้ว การลงมือทำถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของกระบวนการเพื่อผลสำเร็จของงาน โดยทำตามแผนภาพของงานจะทำให้การทำงานสะดวกยิ่งขึ้น<br /><strong>8. ทดสอบและประเมินผล</strong><br />หลังจากทำเสร็จทุกขั้นตอนของการจัดทำแล้ว ควรจะมีการทดสอบและประเมินผลจากตัวผู้จัดทำก่อนโดยสมมติว่าเป็นผู้ชมคนหนึ่ง โดยดูองค์ประกอบต่างๆ ที่ได้ทำขึ้นมา เช่นการเชื่อมโยงตรงตามที่กำหนดไว้หรือไม่ สีที่ใช้ในการเชื่อมโยงเป็นมาตรฐานเดียวกันทุกหน้าและใช้การได้หรือไม่ ภาพหรือกราฟิกตรงตามเนื้อหาหรือวัตถุประสงค์หรือเปล่า ฯลฯ เป็นต้น<br />จากนั้น เมื่อได้ถ่ายโอนข้อมูลไปเก็บไว้ยังเครื่องบริการเว็บแล้ว ก็ควรแนะนำเพื่อนหรือคนอื่นๆช่วยตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งถ้าถ่ายโอนข้อมูลไม่ครบ และทำการทดสอบด้วยเครื่องที่จัดทำก็จะไม่พบข้อบกพร่อง เนื่องจากแฟ้มข้อมูลต่างๆ ถูกบรรจุอยู่ไว้ในเครื่องที่จัดทำอยู่แล้ว โปรแกรมก็จะนำแฟ้มข้อมูลที่อยู่ในเครื่องมาแสดงผล แต่ถ้าเป็นเครื่องอื่นหากเราถ่ายโอนข้อมูลไม่ครบ ก็จะพบข้อผิดพลาด<br /><strong>9. การประชาสัมพันธ์<br /></strong>หลังจากทำการทดสอบและประเมินผลจนเป็นที่น่าพอใจแล้ว ก็สามารถประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้อื่นได้รับรู้โดยผ่านทางคนรู้จักหรือผ่านทางเว็บที่ให้บริการประชาสัมพันธ์เว็บใหม่<br /><strong>เนื้อหาที่นำเสนอผ่านเว็บ</strong><br />เนื่องจากการนำเสนอเนื้อหาผ่านเว็บนั้น ไม่ได้มีข้อกำหนดเอาไว้ว่าควรนำเสนอในเรื่องใด ดังนั้นเนื้อหาต่างๆ ที่ปรากฏบนเว็บจึงมีแทบทุกประเภท เช่น การค้า การศึกษา การแพทย์ การทหาร เทคโนโลยี บันเทิง เกม กีฬา อาหาร หรือแม้กระทั่งเรื่องราวส่วนตัว ฯลฯ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีเว็บที่มีเนื้อหาในแง่ลบอีกด้วยซึ่งในแต่ละวันจะมีเว็บไซต์เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก<br />ที่มา <a href="http://www.kradandum.com/thesis/thesis-02-4.htm">http://www.kradandum.com/thesis/thesis-02-4.htm</a>เอกลักษณ์http://www.blogger.com/profile/17138141840110887412noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3018581835590462088.post-13652787950178345812009-08-30T21:10:00.000-07:002009-09-20T20:35:59.427-07:00ที่ตั้งโบราณสถาน<a href="http://2.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/SptPvUTL2wI/AAAAAAAAAAs/rvjLM74UIno/s1600-h/phimai.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5375978254518442754" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 320px; CURSOR: hand; HEIGHT: 240px" alt="" src="http://2.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/SptPvUTL2wI/AAAAAAAAAAs/rvjLM74UIno/s320/phimai.jpg" border="0" /></a><br /><div><span style="font-family:trebuchet ms;">ตั้งอยู่ ต.ในเมือง ในตัวอำภอพิมาย ห่างจากตัวเมืองโคราชประมาณ 60 กิโลเมตร ตัวอุทยานตั้งอยู่ฟากทิศตะวันออกของ</span><a title="แม่น้ำมูล" href="http://th.wikipedia.org/wiki/à¹à¸¡à¹ˆà¸™à¹‰à¸³à¸¡à¸¹à¸¥"><span style="font-family:trebuchet ms;">แม่น้ำมูล</span></a><span style="font-family:trebuchet ms;"> บนพื้นที่ ๑๑๕ ไร่ วางแผนเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง ๕๖๕ เมตร ยาว ๑,๐๓๐ เมตร ลักษณะพิเศษของปราสาทหินพิมาย คือ ปราสาทหินแห่งนี้สร้างหันหน้าไปทาง</span><a title="ทิศใต้" href="http://th.wikipedia.org/wiki/ทิศใต้"><span style="font-family:trebuchet ms;">ทิศใต้</span></a><span style="font-family:trebuchet ms;"> ต่างจาก</span><a class="mw-redirect" title="ปราสาทหิน" href="http://th.wikipedia.org/wiki/ปราสาทหิน"><span style="font-family:trebuchet ms;">ปราสาทหิน</span></a><span style="font-family:trebuchet ms;">อื่นๆที่มักหันไปทาง</span><a title="ทิศตะวันออก" href="http://th.wikipedia.org/wiki/ทิศตะวันออà¸"><span style="font-family:trebuchet ms;">ทิศตะวันออก</span></a><span style="font-family:trebuchet ms;"> สันนิษฐานว่าเพื่อให้หันรับกับเส้นทางตัดมาจากเมืองยโศธรปุระ เมืองหลวงในสมัยนั้นของขอม ซึ่งเข้ามาสู้เมืองพิมายทางทิศใต้</span></div><div><span style="font-family:Trebuchet MS;"></span> </div><div><span style="font-family:Trebuchet MS;"><strong>ข้อมูลทั่วไป</strong></span></div><div><span style="font-family:trebuchet ms;">เปิดเวลา 07.30-18.00 น. </span></div><div><span style="font-family:trebuchet ms;">ค่าเข้าชม คนไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 40 บาท </span></div><div><span style="font-family:trebuchet ms;">โทร. 0-4447-1568</span> </div><div> </div><div><span style="font-family:trebuchet ms;">ที่มา <a href="http://th.wikipedia.org/wiki/อุà¸à¸¢à¸²à¸à¸à¸£à¸°à¸§à¸±à¸à¸´à¸¨à¸²à¸ªà¸à¸£à¹à¸à¸´à¸¡à¸²à¸¢">http://th.wikipedia.org/wiki/อุà¸à¸¢à¸²à¸à¸à¸£à¸°à¸§à¸±à¸à¸´à¸¨à¸²à¸ªà¸à¸£à¹à¸à¸´à¸¡à¸²à¸¢</a></span></div>เอกลักษณ์http://www.blogger.com/profile/17138141840110887412noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3018581835590462088.post-49016954434998166132009-08-30T20:33:00.000-07:002009-08-30T21:28:17.891-07:00ประวัติความเป็นมา<a href="http://3.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/SptE3Dj1P4I/AAAAAAAAAAc/EuMP85L6Clo/s1600-h/ปราสาทหิน.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5375966292835909506" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 257px; CURSOR: hand; HEIGHT: 200px" alt="" src="http://3.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/SptE3Dj1P4I/AAAAAAAAAAc/EuMP85L6Clo/s320/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%AB%E0%B8%B4%E0%B8%99.jpg" border="0" /></a><br /><div><span style="font-family:trebuchet ms;">เมืองพิมายเป็นเมืองที่สร้างตามแบบแผนของ</span><a class="new" title="ศิลปะขอม (หน้านี้ไม่มี)" href="http://th.wikipedia.org/w/index.php?title=%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%9B%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%A1&action=edit&redlink=1"><span style="font-family:trebuchet ms;">ศิลปะขอม</span></a><span style="font-family:trebuchet ms;"> มีลักษณะเป็น</span><a title="เวียง" href="http://th.wikipedia.org/wiki/à¹à¸§à¸µà¸¢à¸"><span style="font-family:trebuchet ms;">เวียง</span></a><a class="mw-redirect" title="สี่เหลี่ยม" href="http://th.wikipedia.org/wiki/สีà¹à¹à¸«à¸¥à¸µà¹à¸¢à¸¡"><span style="font-family:trebuchet ms;">สี่เหลี่ยม</span></a><span style="font-family:trebuchet ms;"> ชื่อ พิมาย น่าจะมาจากคำว่า วิมาย หรือ </span><a class="new" title="วิมายปุระ (หน้านี้ไม่มี)" href="http://th.wikipedia.org/w/index.php?title=%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B0&action=edit&redlink=1"><span style="font-family:trebuchet ms;">วิมายปุระ</span></a><span style="font-family:trebuchet ms;"> ที่ปรากฏในจารึกภาษาขอมบนแผ่นหินตรงกรอบประตูระเบียงคดด้านหน้าของปราสาท จากหลักฐานศิลาจารึกและศิลปะสร้างบ่งบอกว่า สร้างขึ้นเพื่อเป็นพุทธสถานในลัทธิมหายาน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในยุคที่อาณาจักรขอมแผ่อิทธิพลมายังภูมิภาคนี้ในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 (พ.ศ. 1545-1593) และมีการก่อสร้างเพิ่มเติมในช่วงรัชกาลสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (พ.ศ. 1724-1761) มหาราชองค์สุดท้ายของอาณาจักรขอม ในปี พ.ศ. 2479 กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติและเริ่มบูรณะในปี พ.ศ. 2494 และ พ.ศ. 2497 กรมศิลปากรได้บูรณะองค์ปรางค์ประธานอีกครั้ง โดยได้รับเงินงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลฝรั่งเศส จนแล้วเสร็จในช่วงปี พ.ศ. 2507-2512 แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 5 กำหนดให้เมืองโบราณพิมายและปราสาทหินพิมายเป็นอุทยานประวัติศาสตร์ในปี พ.ศ. 2529 โดยมีการอนุรักษ์และบูรณะเป็นอย่างดี </span></div><div><span style="font-family:trebuchet ms;">ที่มา </span><a href="http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/"><span style="font-family:trebuchet ms;">http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/</span></a></div>เอกลักษณ์http://www.blogger.com/profile/17138141840110887412noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3018581835590462088.post-24005285371222600872009-08-30T20:02:00.000-07:002009-09-20T21:12:57.022-07:00แผนที่อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา<a href="http://3.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/Srb7fMQG7CI/AAAAAAAAAE8/gzFYakOdroc/s1600-h/map-36-Nakhonratchasima.gif"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5383766917851311138" style="WIDTH: 336px; CURSOR: hand; HEIGHT: 251px" alt="" src="http://3.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/Srb7fMQG7CI/AAAAAAAAAE8/gzFYakOdroc/s320/map-36-Nakhonratchasima.gif" border="0" /></a><br /><div></div>เอกลักษณ์http://www.blogger.com/profile/17138141840110887412noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3018581835590462088.post-4400571785710195222009-08-23T21:13:00.000-07:002009-08-30T21:32:16.796-07:00อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย<a href="http://2.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/SpIi5qo7H4I/AAAAAAAAAAM/TKz0xbWqHSs/s1600-h/300px-à¸à¸²à¸¥à¸²à¸à¸²à¸à¹à¸à¸´à¸.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5373395679500246914" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 300px; CURSOR: hand; HEIGHT: 199px" alt="" src="http://2.bp.blogspot.com/_lxCDlCIS7A4/SpIi5qo7H4I/AAAAAAAAAAM/TKz0xbWqHSs/s320/300px-%25E0%25B8%258A%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2587%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2599.jpg" border="0" /></a><br /><div><span style="font-family:trebuchet ms;">อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย เป็นหนึ่งใน</span><a class="new" title="อุทยานประวัติศาสตร์ (หน้านี้ไม่มี)" href="http://th.wikipedia.org/w/index.php?title=%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C&action=edit&redlink=1"><span style="font-family:trebuchet ms;">อุทยานประวัติศาสตร์</span></a><span style="font-family:trebuchet ms;">ของ</span><a title="ประเทศไทย" href="http://th.wikipedia.org/wiki/ประเทศไทย"><span style="font-family:trebuchet ms;">ประเทศไทย</span></a><span style="font-family:trebuchet ms;"> ที่ตั้งอยู่ในตัว</span><a title="อำเภอพิมาย" href="http://th.wikipedia.org/wiki/อำเà¸"><span style="font-family:trebuchet ms;">อำเภอพิมาย</span></a><span style="font-family:trebuchet ms;"> </span><a title="จังหวัดนครราชสีมา" href="http://th.wikipedia.org/wiki/จังหวัดนครราชสีมา"><span style="font-family:trebuchet ms;">จังหวัดนครราชสีมา</span></a><span style="font-family:trebuchet ms;"> ประกอบด้วยโบราณสถานสมัย</span><a class="mw-redirect" title="อาณาจักรขอม" href="http://th.wikipedia.org/wiki/อาณาจัà¸à¸£à¸‚อม"><span style="font-family:trebuchet ms;">อาณาจักรขอม</span></a><span style="font-family:trebuchet ms;">ที่ใหญ่โตและงดงามบางคนอาจหลงใหลในสีสันเมืองกรุงที่เต็มไปด้วยตึกสูงดีไซน์ต่างๆ จนไม่เคยหันมาสนใจก้อนหินเหล่านี้ที่มีค่ามากเกินกว่าจะตีเป็นราคาได้<br />การท่องเที่ยวในจังหวัดนครราชสีมาในช่วงนี้นับว่าเป็นช่วงขาขึ้น เพราะที่ผ่านมาได้มีโอกาสจัดกีฬาซีเกมส์ไปหมาดๆ ทำให้ที่นี่คึกคักอย่างมาก<br />ผู้คนในจังหวัดเองก็กระตือรือร้นที่จะต้อนรับแขกจะที่มาเยือนกันอย่างเต็มที่ ทั้งคนไทยและคนต่างชาติก็ได้รู้จักโคราชมากขึ้น แม้จะไม่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง แต่ก็มีสิ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย<br />อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย คือ สถานที่ที่ทรงคุณค่ามากๆ ไม่ว่าใครที่มาโคราชจะต้องมาที่นี่ เพื่อสัมผัสกับบรรยากาศเก่าแก่แบบนี้ ปราสาทหินพิมายตั้งอยู่ในตำบลในเมือง อำเภอพิมาย<br />ห่างจากตัวเมืองประมาณ 60กิโลเมตร ปราสาทหินพิมายเป็นศาสนสถานในพุทธศาสนานิกายมหายานที่มีความสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย มีอายุราว 1,000ปีมาแล้ว</span></div><div><span style="font-family:Trebuchet MS;">ที่มา <a href="http://www.zonezeed.com/ForumId-1127-ViewForum.aspx">http://www.zonezeed.com/ForumId-1127-ViewForum.aspx</a></span></div>เอกลักษณ์http://www.blogger.com/profile/17138141840110887412noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3018581835590462088.post-69795286080529720432009-08-23T20:55:00.000-07:002009-08-23T21:26:28.131-07:00แนะนำตัว<span style="font-family:trebuchet ms;">ชื่อ นายเอกลักษณ์ กุลสวัสดิ์</span><br /><span style="font-family:trebuchet ms;"></span><br /><span style="font-family:trebuchet ms;">รหัสนิสิต 51010511035</span><br /><span style="font-family:trebuchet ms;"></span><br /><span style="font-family:trebuchet ms;">สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป</span><br /><span style="font-family:trebuchet ms;"></span><br /><span style="font-family:trebuchet ms;">คณะศึกษาศาสตร์</span><br /><span style="font-family:Trebuchet MS;"></span><br /><span style="font-family:Trebuchet MS;">มหาวิทยาลัยมหาสารคาม</span>เอกลักษณ์http://www.blogger.com/profile/17138141840110887412noreply@blogger.com0